จับตาเทรนด์ของแพ็กเกจจิ้งพลาสติก ไม่ใช่แค่ลดการใช้ แต่ต้องรีไซเคิลได้ด้วย

จับตาเทรนด์ของแพ็กเกจจิ้งพลาสติก ไม่ใช่แค่ลดการใช้ แต่ต้องรีไซเคิลได้ด้วย

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกการตลาดของบ้านเราก็คือ ผู้บริโภคส่วนใหญ่กำลังมองหาสินค้าที่เข้ามาตอบโจทย์ และ ทำให้สุขภาพของพวกเขาดีขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็มีความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้วย ทั้ง 2 เรื่องจึงกลายเป็นแนวทางในการทำตลาดของบรรดายักษ์ใหญ่ในแวดวงสินค้าอุปโภค – บริโภค ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้น เรื่องของขยะพลาสติกที่เกิดจากการใช้สินค้า กำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญ ที่ก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อม

แนวโน้มที่เราจะได้เห็นมากขึ้นในปี 2020 นี้ นอกจากผู้ผลิตแต่ละรายจะมุ่งไปที่เรื่องของการลดการใช้พลาสติก ลงแล้ว ยังมีการให้ความสำคัญกับเรื่องของการใช้พลาสติกที่สามารถรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ได้แบบ 100%

ปัญหาพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเป็นปัญหาระดับโลกที่ไม่มีรัฐบาลใด บริษัทแห่งใด หรือคนใดคนหนึ่งแก้ปัญหาได้ แต่การแก้ปัญหาจะต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อย่างในกรณีของยูนิลีเวอร์ ยักษ์ใหญ่ในแวดวงสินค้า FMCG ที่มี นโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยตั้งเป้าจะลดผลกระทบจากการผลิต และการใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2020 ถือว่าเร็วกว่าสิ่งที่ประกาศไว้กับทั่วโลกที่จะบรรลุเป้าหมายภายในปี 2025

ยูนิลีเวอร์มีความมุ่งมั่นที่จะลดขยะพลาสติกด้วยการส่งเสริมจิตสำนึกในการลดขยะพลาสติก และมีนโยบายที่ จะใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ และย่อยสลายได้ กับผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ที่มีปริมาณ การใช้เป็นจำนวนมาก เริ่มจากผลิตภัณฑ์ล้างจานซันไลต์ และน้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ทที่เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งเป็นแบบ รีไซเคิลได้ 100% โดยจะทำไปพร้อมๆ กับการขยายธุรกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้น เป็นการเติบโตแบบยั่งยืนตลอดทั้งซัพพลายเชน

เทรนด์ในเรื่องของการนำแพ็กเกจจิ้งที่สามารถรีไซเคิลได้แบบ 100% มาใช้นี้ จะเป็นสิ่งที่ได้จะได้เห็นกันมากขึ้น ในปี 2020 นี้ โดยนอกจากเรื่องของการนำมาใช้แล้ว ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการให้ความรู้เพื่อให้ตระหนักถึง ตลอดจนการสร้าง พฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างในกรณีของบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ซันโทรี่และเป๊ปซี่โค ที่มีการร่วมมือกับบริษัทวงศ์พานิชในการกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการรีไซเคิล ด้วยการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภคผ่านการกำหนดราคารับซื้อขวดพลาติก PET ที่ใช้แล้วในครือ “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” ให้สูงขึ้นกว่าราคารับซื้อปกติ โดยร้านรับซื้อขยะวงษ์พาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศได้ประกาศรับซื้อขวดพลาสติก PET ของเครื่องดื่มเป๊ปซี่ เป๊ปซี่แมกซ์ เทสต์ มิรินด้า เซเว่นอัพ กู๊ดมู้ด ชาพร้อมดื่มลิปตันน้ำดื่มอควาฟิน่า และเครื่องดื่มเกลือแร่ เกเตอเรดสูงกว่าราคาปกติอีก กิโลกรัมละ 1 บาท

ตามโรดแม็บของค่ายนี้ มีการมองถึงการนำแพ็กเกจจิ้งที่เป็น RPET หรือแพ็กเกจจิ้งที่เป็นขวด PET ที่ผ่านการ รีไซเคิลมาใช้แบบ 100% ในอนาคต เพราะมองว่า จะเป็นตัวช่วยในการลดการใช้พลาสติก PET เพราะเป็นการนำกลับ มาใช้แบบ 100% โดยมองว่า เป็นทางออกที่ดีกว่าการใช้แพ็กเกจจิ้งที่มาจากวัสดุทดแทนพลาสติก เพราะมองว่า เทคโน โลยีของการรีไซเคิลนั้น สามารถรีไซเคิลพลาสติก PET คุณภาพ และมีความปลอดภัยสูง จึงเป็นการหมุนเวียนโดยไม่ได้มี การเพิ่มการใช้พลาสติกในระยะยาว

เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอย่างเนสท์เล่ ที่มุ่งมั่นเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้สามารถรีไซเคิล หรือนำกลับมา ใช้ใหม่ได้100%ภายในปี 2025 พร้อมใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยได้เริ่มใช้ 3 บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก อันได้แก่ เนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม ที่ได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ภายนอกเป็นซองกระดาษ เนสกาแฟกระป๋องลาเต้ และ แบล็คไอซ์ ในกระป๋องอะลูมิเนียมที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และแก้วไบโอคัพ (BioCup) ในร้านเนสกาแฟฮับที่สามารถ ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติโดยบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ได้เริ่มใช้ในกลุ่มธุรกิจเนสกาแฟ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของ เนสท์เล่ในประเทศไทย

เนสท์เล่ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการบริหารจัดการอย่างเป็นองค์รวมภายใต้หลัก 3R ได้แก่ การลดการใช้ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการรีไซเคิล (Recycle) ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจระดับโลกของเนสท์เล่ ในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% ภายในปี 2025 ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะ ต้องไม่มีวัสดุและพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ที่ต้องกำจัดด้วยการฝังกลบหรือกลายเป็นขยะ

ด้วยเหตุผลที่ว่า ธุรกิจกาแฟคือธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเนส์เล่ และเป็นผู้นำตลาดในประเทศ การเริ่มใช้บรรจุภัณฑ์ รักษ์โลกกับผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ จึงเป็นการช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการลดปริมาณขยะพลาสติกแก่ผู้บริโภคชาว ไทยรวมทั้งเพิ่มการนำบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟ ไปรีไซเคิลพร้อมๆ กับการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการ เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

การนำแพ็กเกจจิ้งที่เป็น RPET หรือแพ็กเกจจิ้งที่เป็นขวด PET ที่ผ่านการรีไซเคิลมาใช้แบบ 100% นั้น กลายเป็น พันธกิจขององค์กรขนาดใหญ่ หลายๆ องค์กรที่มุ่งมั่นทำในเรื่องนี้ โดยมีการจับมือจัดตั้งเครือข่ายพันธมิตรพลาสติกกลับ มาใช้ใหม่ หรือ Plastic Circularity Thailand (APCT) ภายใต้การขับเคลื่อนของกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน 5 บริษัท เพื่อเดิน หน้าผลักดันแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท พีแอนด์จี – พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศไทย จํากัด  บริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ร่วมลงนาม ณ สถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเครือข่ายพันธมิตรพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ หรือ Plastic Circularity Thailand (APCT) มาจากปริมาณขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ โดยพันธกิจของกลุ่ม นั้น จะเป็นการวางโมเดลการจัดการขยะชุมชนในจังหวัดต่างๆ เพื่อมุ่งสู่สังคม zero plastic waste หรือการทำให้ขยะ พลาสติกเหลือศูนย์ โดยการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยโมเดลแรกจะเริ่มที่จังหวัด เชียงราย และมุ่งที่จะขยายผลวางโมเดลการจัดการขยะไปยังจังหวัดต่างๆ ต่อไปในอนาคต

เทนด์ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเทรนด์หนึ่งที่เราจะได้เห็นมากขึ้นในปี 2020 นี้น่าจะเป็นเรื่องของการใช้ แพ็กเกจจิ้งที่สามารถรีไซเคิลได้แบบ 100% หลังจากนั้น จะเป็นเรื่องของการนำมาใช้ โดยทั้งหมดจะพุ่งเป้าไปที่ขั้นตอน ของการ “บริโภค” สินค้าที่ถูกมองว่าเป็นขั้นตอนของการสร้างให้เกิดขยะพลาสติกมากที่สุด เมื่อสามารถลดการใช้ด้วยการ รีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ได้แบบ 100% จึงเป็นอีกหนทางในการช่วยโลกให้พ้นจากปัญหาของมลภาวะที่เกิดจากขยะ พลาสติกล้นโลกได้เป็นอย่างดีทางหนึ่ง…..

ที่มา: https://www.brandage.com/article/19469

No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.

This website uses cookies to improve user experience. By using our website you consent to all cookies in accordance with our privacy policy. เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Performance

    Performance cookies are used to see how visitors use the website, eg. analytics cookies. Those cookies cannot be used to directly identify a certain visitor.

บันทึกการตั้งค่า