15 May 7 เทรนด์ ‘การผลิตและบรรจุภัณฑ์’ ที่ธุรกิจยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม
ถ้ากล่าวถึงเทรนด์ ‘การผลิตและบรรจุภัณฑ์’ ในยุคนี้ นอกจากจะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพ มาตรฐาน ความสวยงาม และตอบสนองการใช้งานของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นแล้ว ยังต้องมีความโดดเด่นที่ตอบโจทย์ “ความยั่งยืน” โดยเฉพาะความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตจากวัสดุย่อยสลายได้ง่าย นำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการผลิตและบรรจุภัณฑ์ด้วย
และเพื่อเป็นแนวทางให้ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้เพื่อพัฒนา การผลิตและบรรจุภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์การใช้งานและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคนี้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2022 ได้สรุป 7 เทรนด์ การผลิตและบรรจุภัณฑ์ มาอัปเดตกัน ดังนี้
The Great Resignation to The Manpower of Nowhere จากการลาออกครั้งใหญ่ สู่การทำงานที่ไร้ซึ่งกรอบสถานที่และเวลา
สืบเนื่องจากสถานการณ์ The Great Resignation หรือการลาออกครั้งใหญ่ของแรงงานทั่วโลก กำลังลุกลามจากฝั่งคนทำงานออฟฟิศไปสู่แรงงานในภาคการผลิต ที่มองเห็นโอกาสจากการขยายตัวของความเจริญไปสู่ถิ่นฐานบ้านเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย การเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งนี่เป็นเพียงฉากแรกของการลาออกเท่านั้น เพราะฉากต่อไปยังมีเรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ปรากฎการณ์นี้ทำให้แรงงานไม่จำเป็นต้องกระจุกตัวอยู่ในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมอีกต่อไป แรงงานจะพึงพอใจกว่าถ้าได้ทำงานที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบของสถานที่และเวลา และที่สำคัญการจ้างงานก็มีแนวโน้มที่จะเป็นการจ้างระยะสั้นลงเรื่อยๆ โดยขึ้นอยู่กับความพึงใจของแรงงานเป็นหลัก ทั้งนี้หลักประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานของภาครัฐก็ยิ่งตอบโจทย์ให้แรงงานสามารถทำงานได้อย่างอิสระขึ้นด้วย เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นต้องหาโซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะพึ่งพาแรงงานมนุษย์ให้น้อยที่สุด
Rising of Automation ยุคของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
วิวัฒนาการของเครื่องจักรและหุ่นยนต์อัตโนมัติ ได้แปรเปลี่ยนจากการเป็นแค่นิทรรศการอุตสาหกรรมราคาแพงที่เกินเอื้อม กลายมาเป็นตัวช่วยในกระบวนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น จนกลายเป็นฟันเฟืองของอุตสาหกรรมยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะหลังจากการหยุดชะงักของซัพพลายเชนทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การปรับปรุงการประเมินความเสี่ยงในการผลิต กลายเป็นประเด็นสำคัญ และทำให้ผู้ประกอบการทั่วโลกควบคุมความเสี่ยงจากการใช้แรงงานคน ปรับปรุงกระบวนการการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และมองเห็นปัจจัยความเสี่ยงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยหนึ่งในเทรนด์อุตสาหกรรมที่กำลังมาแรงก็คือ การใช้ หุ่นยนต์และเครื่องจักร Automations และกึ่งอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งเทรนด์นี้เริ่มจะเปลี่ยนจากการใช้อุปกรณ์ไฮเทคแบบชั่วครั้งชั่วคราว ก้าวสู่ความเป็น Smart Factory และ Smart Processing เต็มระบบมากยิ่งขึ้น อาทิ การใช้เครื่องจักรรุ่นใหม่ที่มีเซ็นเซอร์ในตัว สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียด พร้อมเครื่องมือตรวจสอบ
Practical 5G & IIoT (Industrial Internet of Things) ติดสปีดการผลิตด้วย 5G และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วย AI
ในประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ได้มีการทดลองใช้เทคโนโลยี 5G & IIoT (Industrial Internet of Things) กันไปแล้ว และเริ่มมีการออกสินค้าอุตสาหกรรมที่รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ผู้ประกอบการได้นำมาประยุกต์ใช้กันแล้ว
โดยเฉพาะในการใช้ระบบ M2M หรือ Machine to Machine ที่สามารถสั่งการเครื่องจักรด้วยการส่งข้อมูลหากันอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ AI ที่ฝังอยู่ในเครื่องจักรแต่ละตัวสามารถเรียนรู้ ประมวลผล และทำงานสอดรับกันได้อย่างแนบสนิท ไร้รอยต่อ ลดทั้งการใช้แรงงานคน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการวัตถุดิบและพลังงาน ตลอดจนลดความเสียหายของผลผลิต
หรือในกรณีที่ต้องมีการซ่อมบำรุงด้วยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้จำนวนมาก ส่งข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว ประมวลผลเป็นภาพ 3 มิติ แบบ Augmented Reality หรือ AR ควบคุมการซ่อมได้จากต่างประเทศโดยตรง โดยเทคโนโลยีสุดล้ำนี้เรียกว่า Virtual Digital Twin in Manufacturing
3D printing เครื่องพิมพ์ 3 มิติ เทคโนโลยีการพิมพ์
The Evolution of 3D Printing Materials เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ตัวช่วยของ การผลิตและบรรจุภัณฑ์ ยุคใหม่
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตของบริษัทขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งระดับ SMEs เพราะเทคโนโลยีด้านวัสดุในปัจจุบัน ทั้งจาก เส้นพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ ด้ายขนสัตว์ และโลหะ สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุโดยใช้เทคนิคการพิมพ์ซ้อนทับลงไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นรูปทรง 3 มิติ ที่จับต้องได้ สร้างความน่าสนใจให้กับการผลิตและบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นได้
เช่น การผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องจักร ที่ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยและการนำเข้า ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ต้นแบบ ที่นอกจากจะลดต้นทุนและลดระยะเวลาการผลิตลงได้ 40%-50% แล้ว ยังสามารถช่วยให้บริษัทต่างๆ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น หรือทำการทดลองตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย
Intelligent Packaging แพคเกจจิงอัจฉริยะ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
นอกจากความสวยงาม สื่อสารจุดแข็งของแบรนด์ ส่งเสริมจุดเด่นของสินค้า และง่ายต่อการนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลแล้ว บรรจุภัณฑ์ยุคใหม่ต้องทำหน้าที่ที่หลายหลากมากขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับให้รู้แหล่งผลิต กระบวนการ หรือบอกคุณภาพความสดใหม่ ช่วยยืดอายุของสินค้า ลดการเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย ไปจนถึงลดการกัดกร่อนกำจัดก๊าซที่เกิดจากระบวนการขนส่งหรือจัดจำหน่าย ไปจนถึงบ่งชี้ความสดใหม่ เปลี่ยนสีเมื่อหมดอายุ
โดยทำงานผ่านเซ็นเซอร์ (Sensors) ตัวบ่งชี้ (Indicators) และข้อมูล (Data Carriers) อย่างตัวบ่งชี้อุณหภูมิ-เวลา (TTIs) เป็นต้น ซึ่งการตรวจสอบย้อนกลับได้จะมีผลอย่างมากในการจัดการความยั่งยืนแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อให้บรรจุภัณฑ์แต่ละชิ้นที่ถูกใช้แล้วหมุนเวียนกลับไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้อีกครั้ง
Packaging for UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ปลดล็อคบรรจุภัณฑ์ไปสู่การออกแบบเพื่อใช้กับการส่งด้วยโดรน
ในปี 2021 Wing บริษัทโดรนของ Alphabet เผยสถิติว่ามียอดขนส่งของถึง 1 แสนครั้ง แต่ในปัจจุบัน Wing ได้ทำสถิติส่งสินค้าเชิงพาณิชย์ ได้ถึง 2 แสนครั้งแล้วภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี นั่นเท่ากับว่า Wing มียอดบินโดรนส่งสินค้ามากกว่า 1,000 ครั้งต่อวัน หรือคิดเป็นการส่งดิลิเวอรี่ผ่านโดรน 1 ครั้งในทุก 25 วินาที นี่นับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ยืนยันว่าเทรนด์การส่งของด้วยโดรนเกิดขึ้นแล้ว
โดยโดรนเป็นหนึ่งในอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) ที่น่าจับตามอง เป็นโซลูชันของการขนส่งสินค้าอัตโนโมัติ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในวงการโลจิสติกส์ มีความรวดเร็วในการขนส่ง แต่เมื่อวิธีการขนส่งเปลี่ยนแปลงไป ความท้าทายถัดมาก็คือวัสดุและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการขนส่งผ่านโดรน ที่มีโจทย์ต้องคำนึงถึง ทั้งในแง่ความแข็งแรง น้ำหนัก และการป้องกันความเสี่ยงจากสภาพอากาศ นั่นเอง
Sustainability Pressures ทุกมิติของความยั่งยืน ที่ภาคการผลิตและบรรจุภัณฑ์ปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม มนุษยธรรม และการกระจายรายได้ เป็นเรื่องที่ภาคอุตสาหกรรมไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะในอนาคตประเด็นเหล่านี้จะถูกหยิบยกมาตั้งคำถาม ทั้งจากผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น หรือจากนโยบายของประเทศคู่ค้า ทำให้ผู้ผลิตต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนกันตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง และบรรจุภัณฑ์
โดยนอกจาก SDGs: Sustainable Development Goals หรือ เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ที่พูดถึงการสร้างความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ สุขภาพ และการศึกษาแล้ว ในด้านสิ่งแวดล้อมยังมี EPR: Extended Producer Responsibility หรือ หลักการที่ขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตไปยังช่วงต่างๆของวงจรชีวิตบรรจุภัณฑ์ เป็นแนวทางให้ผู้ผลิตคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม อย่างครบวงจร
ตั้งแต่การออกแบบ กระจายสินค้า การรับคืน การเก็บรวบรวม การใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการบำบัด EU Green Deal นโยบายของภูมิภาคยุโรปที่ตั้งกำแพงปิดกั้นการนำเข้าผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ไม่คำนึงถึงความยั่งยืนจากภูมิภาคอื่น เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งแรงกดดันจากทุกทิศทุกทางเหล่านี้ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ต้องหันกลับมาทำ Brand Audit เพื่อตรวจสอบแบรนด์ ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนกันอย่างหนักหน่วง เพื่อหาหนทางทำให้ธุรกิจอยู่รอดในยุคที่ ความยั่งยืน เป็นใหญ่นี้ด้วย
ที่มา: https://www.salika.co/2022/05/18/7-trends-for-manufacturing-and-packaging-2022/
Sorry, the comment form is closed at this time.